เมนู

[489] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วอย่างนี้ ภิกษุรูปหนึ่งได้
กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าดังนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อาจเปรียบอุปมา
ได้หรือไม่ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ อาจเปรียบได้ แล้วตรัส
ต่อไปว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนพระเจ้าจักรพรรดิ ทรงประกอบ
ด้วยแก้ว 7 ประการและความสัมฤทธิผล 4 อย่าง จึงเสวยสุขโสมนัสอัน มีสิ่ง
ประกอบนั้นเป็นเหตุได้ พระเจ้าจักรพรรดิทรงประกอบด้วยแก้ว 7 ประการ
เป็นไฉน.

ว่าด้วยจักรแก้ว


[490] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระราชามหากษัตริย์ในโลกนี้ผู้ทรงได้
มูรธาภิเษกแล้ว ทรงสรงสนานพระเศียร ทรงรักษาอุโบสถในดิถีที่ 15 ซึ่ง
วันนั้นเป็นวันอุโบสถ เมื่อประทับอยู่ในพระมหาปราสาทชั้นบน ย่อมปรากฏ
จักรแก้วทิพมีกำตั้งพัน พร้อมด้วยกงและดุม บริบูรณ์ด้วยอาการทุกอย่าง
ครั้น ทอดพระนครแล้วได้มีพระราชดำริดังนี้ว่า ก็เราได้สดับมาดังนี้แล พระ
ราชาพระองค์ใด ผู้ทรงได้มูรธาภิเษกแล้ว ทรงสรงสนานพระเศียร ทรงรักษา
อุโบสถในดิถีที่ 15 ซึ่งวันนั้น เป็นวันอุโบสถ เมื่อประทับอยู่ในพระมหาปราสาท
ชั้นบน ย่อมปรากฏจักรแก้วทิพมีกำตั้งพัน พร้อมด้วยกงและคุม บริบูรณ์
ด้วยอาการทุกอย่าง พระราชานั้น ย่อมเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ เราเป็นพระเจ้า
จักรพรรดิหรือหนอ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ต่อนั้น พระองค์เสด็จลุกจากราชอาสน์ ทรงจับ
พระเต้าน้ำด้วยพระหัตถ์ซ้าย ทรงหลั่งรดจักรแก้วด้วยพระหัตถ์ขวา รับสั่งว่า
จงพัดผันไปเถิดจักรแก้วผู้เจริญ จักรแก้วผู้เจริญจงพิชิตให้ยิ่งเถิด ลำดับนั้น
จักรแก้วนั้นก็พัดผันไปทางทิศตะวันออก พระเจ้าจักรพรรดิพร้อมด้วยจตุรง-

คินีเสนาก็เสด็จตามไป จักรแก้วประดิษฐานอยู่ ณ ประเทศใด พระเจ้าจักร
พรรดิก็เสด็จเข้าประทับ ณ ประเทศนั้น พร้อมด้วยจตุรงคินีเสนา บรรดา
พระราชาที่เป็นปฏิปักษ์ในทิศตะวันออก เข้ามาเฝ้าพระเจ้าจักรพรรดิแล้วทูล
อย่างนี้ว่า เชิญเสด็จเถิด มหาราช พระองค์เสด็จมาดีแล้ว มหาราช ข้าแต่
มหาราช แผ่นดินนี้เป็นของพระองค์ ขอพระองค์จงครอบครองเถิด พระเจ้า
จักพรรดิรับสั่งอย่างนี้ว่า ท่านทุกคนไม่ควรฆ่าสัตว์ ไม่ควรลักทรัพย์ที่เจ้าของ
มิได้ให้ ไม่ควรประพฤติผิดในกาม ไม่ควรพูดเท็จ ไม่ควรดื่มน้ำเมา และ
ท่านทั้งหลายจงครอบครองบ้านเมืองกัน ตามสภาพที่เป็นจริงเถิด บรรดาพระ-
ราชาที่เป็นปฏิปักษ์ในทิศตะวันออกเหล่านั้นแล ได้กลายเป็นผู้สนับสนุน
พระเจ้าจักรพรรดิ ต่อนั้น จักรแก้วนั้นได้พัดผันไปจดสมุทรด้านทิศตะวันออก
แล้วกลับ ขึ้นพัดผันไปทิศใต้ ฯลฯ พัดผันไปจดสมุทรด้านทิศใต้แล้วกลับขึ้น
พัดผันไปทิศตะวันตก ฯลฯ พัดผันไปจดสมุทรด้านทิศตะวันตก แล้วกลับขึ้น
พัดผันในทิศเหนือพระเจ้าจักรพรรดิพร้อมด้วยจตุรงคินีเสนา ก็เสด็จตามไป
จักรแก้วประดิษฐานอยู่ ณ ประเทศใด พระเจ้าจักรพรรดิก็เสด็จเข้าประทับ ณ
ประเทศนั้น พร้อมด้วยจตุรงคินีเสนาบรรดาพระราชาที่เป็นปฏิปักษ์ในทิศเหนือ
เข้ามาเฝ้าพระเจ้าจักรพรรดิ แล้วทูลอย่างนี้ว่า เชิญเสด็จเถิด มหาราช
พระองค์เสด็จมาดีแล้ว มหาราช ข้าแต่มหาราช แผ่นดินนี้เป็นของพระองค์
ขอพระองค์จงครอบครอง พระเจ้าจักรพรรดิตรัสสั่งอย่างนี้ว่า ท่านทุกคนไม่ควร
ฆ่าสัตว์ไม่ควรลักทรัพย์ที่เจ้าของมิได้ให้ ไม่ควรประพฤติผิดในกาม ไม่ควร
พูดเท็จ จะไม่ควรดื่มน้ำเมา และท่านทั้งหลายจงครอบครองบ้านเมืองกันตาม
สภาพที่เป็นจริงเถิด บรรดาพระราชาพี่เป็นปฏิปักษ์ในทิศเหนือเหล่านั้นแล ได้
กลายเป็นผู้สนับสนุนพระเจ้าจักรพรรดิ ก่อนภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล
จักรแก้วนั้นพิชิตยิ่งตลอดแผ่นดินมีสมุทรเป็นขอบเขต แล้วกลับมาสู่ราชธานี

เดิม ประดิษฐานอยู่เป็นเสมือนลิ่มสลักพระทวารภายในพระราชวังของพระเจ้า-
จักรพรรดิทำให้งดงามอย่างมั่นคงอยู่ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ย่อมปรากฏจักรแก้ว
เห็นปานนี้ แก่พระเจ้าจักรพรรดิ.
[491] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก พระเจ้าจักรพรรดิ
ย่อมปรากฏมีช้างแก้ว เป็นช้างหลวงชื่ออุโบสถ เผือกทั่วสรรพางค์กาย มีที่ตั้ง
อวัยวะทั้งเจ็ดถูกต้องดี มีฤทธิ์เหาะได้ ครั้นพระเจ้าจักรพรรดิทอดพระเนตร
เห็นแล้ว ย่อมมีพระราชหฤทัยโปรดปรานว่าจะเป็นยานช้างที่เจริญหนอ พ่อ
มหาจำเริญ ถ้าสำเร็จการฝึกหัด ต่อนั้น ช้างแก้วันนี้จึงสำเร็จการฝึกหัดเหมือน
ช้างอาชาไนยตัวเจริญ ที่ฝึกปรือเป็นเวลานาน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคย
มีมาแล้ว พระเจ้าจักรพรรดิเมื่อจะทรงทดลองช้างแก้วนั้น จึงเสด็จขึ้นทรงใน
เวลาเช้า เสด็จเวียนรอบปฐพีมีสมุทรเป็นขอบเขตแล้ว เสด็จกลับมาราชธานีเดิม
ทรงเสวยพระกระยาหารเช้าได้ทันเวลา ดูก่อนภิกษุทั้งหลายย่อมปรากฏช้างแก้ว
เห็นปานนี้แก่พระเจ้าจักรพรรดิ.
[492] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก พระเจ้าจักรพรรดิ
ย่อมปรากฏมีม้าแก้ว เป็นอัศวราชชื่อวลาหก ขาวปลอด ศีรษะดำเหมือนกา
เส้นผมสลวยเหมือนหญ้าปล้อง มีฤทธิ์เหาะได้ ครั้นพระเจ้าจักรพรรดิทอด
พระเนตรเห็นแล้ว ย่อมมีพระราชหฤทัยโปรดปานว่า จะเป็นยานม้าที่เจริญ
หนอ พ่อมหาจำเริญ ถ้าสำเร็จการฝึกหัด ต่อนั้น ม้าแก้วนั้นจึงสำเร็จการ
ฝึกหัดม้าอาชาไนยตัวเจริญ ที่ฝึกปรือดีแล้วเป็นเวลานาน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เรื่องเคยมีมาแล้ว พระเจ้าจักรพรรดิเมื่อจะทรงทดลองม้าแก้วนั้น จึงเสด็จขึ้น
ทรงในเวลาเช้า เสด็จเวียนรอบปฐพีมีสมุทรเป็นขอบเขตแล้ว เสด็จกลับมา
ราชธานีเดิม ทรงเสวยพระกระยาอาหารเช้าได้ทันเวลา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ย่อมปรากฏม้าแก้วเห็นปานนี้แก่พระเจ้าจักรพรรดิ.

ว่าด้วยมณีแก้ว


[493] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก พระเจ้าจักรพรรดิ
ย่อมปรากฏมีมณีแก้ว เป็นแก้วไพฑูรย์ งามโชติช่วง แปดเหลี่ยม อันเจียระไน
ไว้อย่างดี มีแสงสว่างแผ่ไปโยชน์หนึ่งโดยรอบ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคย
มาแล้ว. พระเจ้าจักรพรรดิเมื่อจะทรงทดลองมณีแก้วนั้น จึงสั่งให้จตุรงคินี-
เสนายกมณีขึ้นเป็นยอดธง แล้วให้เคลื่อนพลไปในความมืดทึบของราตรี ชาว-
บ้านที่อยู่รอบ ๆ พากัน ประกอบการงานด้วยแสงสว่างนั้น สำคัญว่าเป็นกลางวัน
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ย่อมปรากฏมณีแก้วเห็นปานนี้แก่พระเจ้าจักรพรรดิ.
[494] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก พระเจ้าจักรพรรดิ
ย่อมปรากฏมีนางแก้วรูปงาม น่าดู น่าเลื่อมใส ประกอบด้วยความงามแห่งผิว-
พรรณอย่างยิ่ง ไม่สูงนัก ไม่ต่ำนัก ไม่ผอมนัก ไม่อ้วนนัก ไม่ดำนัก ไม่
ขาวนัก ล่วงผิวพรรณของมนุษย์ แต่ยังไม่ถึงผิวพรรณทิพย์ มีสัมผัสทางกาย
ปานประหนึ่งสัมผัสปุยนุ่นหรือปุยฝ้าย นางแก้วนั้น มีตัวอุ่นในคราวหนาว มีตัว
เย็นในคราวร้อน มีกลิ่นดังกลิ่นจันทน์ฟุ้งไปแต่กาย มีกลิ่นดังกลิ่นอุบลฟุ้งไป
แต่ปาก นางแก้วนั้นมีปกติคนก่อนนอนที่หลัง คอยฟังคำบรรหาร ประพฤติ
ถูกพระทัย ทูลปราศรัยเป็นที่โปรดปรานต่อพระเจ้าจักรพรรดิ และไม่ประพฤติ
ล่วงพระเจ้าจักพรรดิแม้ทางใจ ไฉนเล่า จะมีประพฤติล่วงทางกายได้ ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ย่อมปรากฏนางแก้วเห็นปานนี้แก่พระเจ้าจักรพรรดิ.
[495] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก พระเจ้าจักรพรรดิ
ย่อมปรากฏมีแต่คฤหบดีแก้ว ผู้มีจักษุเพียงดังทิพย์เกิดแต่วิบากของกรรมปรากฏ ซึ่ง
เป็นเหตุให้มองเห็นทรัพย์ทั้งที่มีเจ้าของ ทั้งที่ไม่มีเจ้าของได้ เขาเข้าเฝ้าพระ-
เจ้าจักรพรรดิ แล้วกราบทูลอย่างนี้ว่า ขอเดชะ พระองค์จงทรงเป็นผู้ขวนขวาย